HR Focus After Covid-19 War by Wisarut

ถ้าดูจากสถานะการณ์โควิดของจีนซึ่งเริ่มระบาดในเดือน พย. มาจบลง มีค. ก็ประมาณ 5 เดือน พอดี ถ้าบ้านเราเป็นแบบนั้น เราเริ่ม กพ. ก็น่าจะจบประมาณ มิย. เรียกว่าอ่วมกันเลยทีเดียวอันนี้มองแบบโลกสวยนะครับ แต่มีบางกระแสเริ่มตั้งคำถามว่าแล้วอยู่ดีๆ โรคนี้จะหายไปจริงๆ หรือมันจะไปหลบซ่อนในมุมมืดรอกลับมาใหม่ตามฤดูกาล ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าคนเคยเป็นแล้วจะไม่เป็นอีก ถ้าเป็นแบบนี้อีกทีตอนปลายปี หลายคนคงบอกว่าติดเป็นติดว่ะ 5555

เอาเป็นว่าถ้าจบตอน มิย. ธุรกิจคงเริ่มกลับมาเป็นปกติแต่ละกลุ่มธุรกิจจะฟื้นเร็วช้าต่างกันไป กลุ่มอุปโภคบริโภคพื้นฐานคงกลับมาเร็วสุด ร้านอาหาร สายการบิน ที่น่าห่วงหน่อยก็พวกสินค้าฟุ่มเฟือย มูลค่าสูงอย่างเรียลเอสเตท รถยนต์ เกรงจะมาช้าลากยาวไปปลายปี ร่วมกับกลุ่มท่องเที่ยวที่ยังไม่น่าจะฟื้นความเชื่อมั่นได้รวดเร็วนัก ยังคงมีช่วงชะลอดูกันจนถึงปลายปี เมื่อมองภาพใหญ่ประเทศ ธปท.ปรับประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจจากเคยตั้งไว้ +3% มาเป็น -5% หนักขนาดไหนก็พอเห็นอยู่

ถ้ามองในมุมนี้ก็จะเกิดคำถามว่า ครึ่งปีหลังชาว HR เราควรจะมุ่ง Focus หรือมีแผนงานเรื่องใด เพื่อรับมือกับการกลับมาของธุรกิจ หรือเผชิญกับ Global Disrupt รอบใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ผมแยกเรื่องใหญ่ๆ ตามภารกิจของ HR ไว้ดังนี้

1. Workforce Planning ; Mixing of Workforce

เราได้เห็นแล้วว่างวดนี้ใครมีพนักงานเยอะเจ็บเจียนตาย ไม่มีรายรับ รายจ่ายเท่าเดิม พยายามลดสวัสดิการ ลดค่าจ้างก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง ครั้นจะเลิกจ้างก็โดนเงินชดเชยเล่นเอาเงินสดหมดบริษัทกันเลย ดังนั้นภาระกิจใหญ่ของชาว HR หลังจากนี้คือ Lean คนอย่างมากที่สุดลดความอ้วนองค์กรแบบไม่ประณีประณอม สูตรการว่าจ้างแบบผสมผสานถูกนำมาใช้อีกทีทั้ง พนักงานประจำ (Core Staff) , Sub Contract , จ้างรายชิ้น , สัญญาจ้างชั่วคราว แต่คราวนี้อยากแนะนำว่า Core Staff อาจจะเป็นคนแค่ครึ่งเดียวของกำลังคนทีต้องใช้ทั้งหมดพูดง่ายๆ ว่าเราคงต้องเปลี่ยน Fixed Cost ให้เป็น Variable Cost ให้ตั้งเป้าว่าหากรายรับบริษัทลดลงครึ่งหนึ่ง เราต้องสามารถลดรายจ่ายคนลงครึ่งหนึ่งในทันทีเช่นกัน

2. Recruitment ; Clip Resume & e-Interview

เรื่องนี้พูดกันมาก่อนเกิดโควิดแล้ว บรรดา Gen Y Gen Z ชอบมาก อยากทำ แต่ X กับ BB ไม่ค่อยใช้ เลยไม่คืบหน้า มาเจอโควิดรอบนี้ใช้กันสบายๆ ไม่ขัดเขิน นั่นคือการถึงอวสานของ Resume กระดาษ เปลี่ยนเป็นคลิปแทน หรือจะเอาแบบมาแพคคู่กันก็ได้แต่ผมเชื่อแน่ว่าพอได้เห็นผู้สมัครแนะนำตัวเป็นคลิป สัก 5 นาทีเราน่าจะชอบใจ เพราะมันได้เห็นสีหน้าแววตา ความฉะฉานในการแนะนำตัว พอมาเข้าขั้นการสัมภาษณ์เบื้องต้นก็ลุย Online กันต่อยังได้ ประหยัดเวลาค่าใช้จ่ายการเดินทาง อย่างไรก็ตามผมยังคงแนะนำว่าให้คัดเป็น Short list แล้วใช้การสัมภาษณ์แบบเจอตัวจริงในขั้นสุดท้าย การรับคนสักคนนึงยังสำคัญมากนะครับ จะแต่งกันทั้งทีดูตัวกันหน่อยก็ดี เอาแต่ online มากไปเดี๋ยวมันจะคลาดเคลื่อนกันกลายเป็นตัวจริงไม่ตรงปกไป

3. Compensation Management ; Pay on Job Value

เชื่อได้เลยว่าสิ้นปีนี้อัตราเฉลี่ยปรับค่าจ้างคงอยู่ในระดับ 0 – 3% บริษัทจำนวนมากจะไม่มีการปรับค่าจ้างประจำปี ในขณะที่ผู้ถูกเลิกจ้างมีจำนวนมาก ตลาดแรงงานมีคนเหลือให้จ้างมากมาย ดังนั้นการจ้างแบบ Fixed Rate ตามค่างานจะถูกนำมาใช้มากขึ้น นั่นคือถ้าจ้างคุณมาเป็น Sale ต้องทำยอดเดือนละ 5 ล้าน ค่าจ้าง 20,000 – ตามนั้นเลยครับ แปลว่าไม่มีขึ้นค่าจ้าง จนเมื่อคุณเป็น Sale Supervisor แน่นอนครับ ทำงานเหมือนเดิม ทำไมผมต้องจ่ายแพงขึ้น ในขณะที่มีคนอีกมากรอจะแทนคุณ รูปแบบจ้างตามค่างานจะมาแรงมากขึ้น คุณจะได้ผลตอบแทนมากขึ้น เมื่อคุณทำงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปริมาณ หรือความยากของงาน ไม่ใช่แก่ขึ้นตามอายุงานครับ นั่นคือถ้าคุณค่าของงานคุณเปลี่ยน คุณก็อาจได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้น บางครั้งอาจเพิ่มถึง 50% ก็เป็นไม่แปลกอะไร ก็จ้างตามงานไงครับ

4. Digital HR & Worklife ; All is Digital

นาทีนี้ใครทำงานบน Document อย่างเดียว คงลำบากสาหัสแน่ เราได้ทดลองกันแล้วบรรดา Digital Work Process ทั้งหลาย eDocumenr eApprove eHR สะดวกสบายอย่างยิ่ง และถ้าเอาระบบงานทั้งหมด รวมทั้ง Databased ลง Digital ได้หมดเป็นอันสมบูรณ์ ต่อให้มีโควิด 20 21 ก็ทำงานได้สะดวก เร่งมือกันนะครับ ที่จะเอางาน HR ส่วนใหญ่ขึ้น online ให้ชีวิตสะดวกกัน นอกจากนี้ยังคงต้องสแกนกันอีกว่ามีอะไรที่ยังติดขัด รีบแก้เสียในครึ่งหลัง รวมทั้งปรับแก้ระเบียบบางประการให้เป็นเรื่องปกติของชีวิตการทำงานไปเลย เช่น เรื่อง WFH , Compress Workweek , VDO Conference & Meeting

5. e-Development ; Integration Learning

นับจากนี้การฝึกอบรมคงเปลี่ยนไปตลอดกาล ถ้าต้องกลับมานั่นในห้องเรียน แบบเต็มวันรู้เรื่องบ้าง ง่วงหลุดบ้างเห็นจะไม่ไหว แต่ถ้าจะออนไลน์กันอย่างเดียว ซัดกันเป็นวันๆ เหมือนสมัยเด็กที่ติวกับ อจ.ตู้ (ทีวี) ก็ไม่ดีอีกเหมือนกันมันแห้งชวนง่วงนอน วิธีที่ดีที่สุดน่าจะเป็นคือการเรียนรู้แบบผสมผสาน นั่นคือหากเราต้องการจะพัฒนาทักษะเรื่องใด ก็น่าจะมีทั้งการดูคลิปหลักการ ทฤษฏีก่อน มี assign ให้อ่านบทความ ทำ Test Online แล้วค่อยมาเข้า Class ฝึกปฏิบัติ เสร็จแล้วมี Post Class ให้ อจ.ติดตาม เป็นกลุ่มย่อยบน online ตบท้ายอีกที แบบนี่สิถึงเจ๋งเวลาการเรียนรู้ในห้องแบบเดิมจะลดลง แต่ไปเพิ่มเวลาในรูปแบบอื่นโดยเฉพาะ online แทน ประสิทธิภาพการเรียนรู้สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายน่าจะถูกลง เพราะสื่อ online บางอย่างมันฉายซ้ำได้ ลดเวลาสอน อจ.ลง ใครจะกลับไปทำแบบเดิมก็แย่แล้วล่ะครับ

บางเรื่องใน 5 ประการนี้คงจะเป็นเรื่องที่เราได้ลองทำไปแล้ว ก็ให้ยึดมาทำเป็นกระบวกการปกติไปเลย และบางเรื่องที่ยังไม่ได้เริ่ม ก็คงต้องลงมือทำเพื่อการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เราได้เห็นแล้วครับว่าโลกพร้อมจะมีเหตุวิกฤตเกิดขึ้นทุกเมื่อจะภัยธรรมชาติ ภัยจากฝีมือมนุษย์ ผ่านเหตุการณ์คราวนี้เหล่า HR เราได้ทักษะเอาชีวิตรอดใหม่ๆ มากมาย เอามันมาใช้ให้เป็นประโยชน์นะครับ ให้คุ้มกับต้นทุนความสูญเสียที่เราเสียไปในช่วงนี้ ถ้าเราทำได้ดีไม่แน่นะครับอาจเป็นความสูญเสีย ที่คุ้มค่าก็ได้อยู่ที่ท่านแล้วครับ